คู่มือซื้อเต็นท์ Naturehike: วิเคราะห์ครบ 5 รุ่น จบทุกการใช้งาน

เต็นท์ Naturehike มีหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการตั้งแคมป์แบบครอบครัวใหญ่ หรือการเดินป่าแบบแบกเป้คนเดียว บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าเต็นท์ เต็นท์เนเจอไฮรุ่นไหนที่ใช่สำหรับคุณที่สุด

ตารางเปรียบเทียบเต็นท์ Nature Hike 6 รุ่น
รุ่นความจุวัสดุเวลาในการกางน้ำหนัก (กก)ราคา (฿‎)
Village 176-8 คนผ้า 210T Polyesterกางเร็ว (อัตโนมัติ)2719,000+
Village 5.03-4 คนผ้า 210T Polyesterกางเร็ว (อัตโนมัติ)8-1010,000+
Village 135-8 คนผ้า 210T Polyester กางเร็ว (อัตโนมัติ)2215,000+
Cloud Up 21-2 คนผ้า 20D Nylon เร็ว (เสาเดียว)1.5-1.83,000 – 4,000
Mongar 22 คนผ้า 20D Nylon เร็ว (เสาไขว้)1.8-2.44,000 – 5,000

1. เต็นท์ Naturehike Village 17

เต็นท์ Naturehike Village 17 เป็นเต็นท์ทรงกระท่อมขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาสำหรับการตั้งแคมป์แบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่กว้างขวางเป็นพิเศษ ภายในเต็นท์สามารถยืนได้สบายๆ ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งไม่อึดอัด

feature image: เต็นท์เนเจอไฮ วิลเลจ 17
  • ขนาดและความจุ: เป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับนักนอนได้ประมาณ 6-8 คนสบายๆ มีพื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวางมาก สามารถวางเตียงลมหรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กได้
  • วัสดุ: ตัวเต็นท์ทำจากผ้า 210T Polyester ที่เคลือบกันน้ำ PU2000mm ส่วนพื้นเต็นท์เป็นผ้า 300D Oxford ทำให้ทนทานต่อการขีดข่วนและกันน้ำได้ดี โครงสร้างเป็นเสาอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แข็งแรง
  • การติดตั้ง: แม้จะเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ แต่ Naturehike Village 17 ก็ออกแบบมาให้ติดตั้งได้ง่าย ด้วยระบบเสาแบบกางอัตโนมัติ ทำให้ใช้เวลาไม่นานในการกางและเก็บ
  • น้ำหนัก: ด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก อยู่ที่ประมาณ 15-18 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการขนย้ายด้วยรถยนต์
  • ราคา: ราคาอยู่ในช่วง 19,000 บาท ขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชั่น

2. เต็นท์ Naturehike Village 5.0

เต็นท์ Naturehike Village 5.0 เป็นรุ่นยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งที่เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กถึงกลาง หรือกลุ่มเพื่อน 3-4 คน ที่ต้องการความสะดวกสบายและพื้นที่ใช้สอยที่พอเหมาะ เป็นเต็นท์ที่ออกแบบมาให้กางง่ายและรวดเร็ว

Naturehike Village 5.0 - Hero image
  • ขนาดและความจุ: รองรับนักนอนได้ประมาณ 3-4 คน มีพื้นที่ภายในกว้างขวางพอสมควร สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก
  • วัสดุ: ตัวเต็นท์ทำจากผ้า 210T Polyester ที่เคลือบกันน้ำ PU2000mm และพื้นเต็นท์เป็นผ้า 300D Oxford เช่นเดียวกับรุ่น Village 17 โครงสร้างเป็นเสาอลูมิเนียมอัลลอยด์
  • การติดตั้ง: จุดเด่นของรุ่นนี้คือการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว ด้วยระบบเสาแบบกางอัตโนมัติ ทำให้มือใหม่ก็สามารถกางเองได้สบายๆ
  • น้ำหนัก: น้ำหนักประมาณ 8-10 กิโลกรัม ถือว่ากำลังดีสำหรับการขนย้ายด้วยรถยนต์
  • ราคา: ราคาอยู่ในช่วง 15,500 บาท เป็นราคาที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคุณภาพที่ได้รับ

3. เต็นท์ Naturehike Village 13

เต็นท์ Naturehike Village 13 เป็นรุ่นที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Village 5.0 และ Village 17 เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางหรือกลุ่มเพื่อนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาอีกนิด แต่ยังคงความสะดวกในการติดตั้ง

featured image: เต็นท์ NatureHike Village 13
  • ขนาดและความจุ: สามารถรองรับนักนอนได้ประมาณ 5-8 คน มีพื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอต่อการใช้งานของครอบครัวขนาดกลาง
  • วัสดุ: วัสดุเดียวกับรุ่น Village อื่นๆ คือผ้า 210T Polyester เคลือบกันน้ำ PU2000mm และพื้นเต็นท์ 300D Oxford โครงสร้างเป็นเสาอลูมิเนียมอัลลอยด์
  • การติดตั้ง: ยังคงจุดเด่นเรื่องการติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว ด้วยระบบเสาแบบกางอัตโนมัติ
  • น้ำหนัก: น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการขนย้ายด้วยรถยนต์
  • ราคา: ราคาอยู่ในช่วง 15,000 – 20,000 บาท

4. เต็นท์ Naturehike Cloud Up 2

เต็นท์ Naturehike Cloud Up 2 เป็นเต็นท์น้ำหนักเบาที่ออกแบบมาสำหรับการเดินป่าและแบกเป้โดยเฉพาะ เหมาะสำหรับนักเดินป่าเดี่ยวหรือคู่ ที่ต้องการเต็นท์ที่กะทัดรัดและขนย้ายสะดวก

เต็นท์เนเจอร์ไฮ รุ่น Cloup Up 2 กางริมแม่น้ำ
  • ขนาดและความจุ: รองรับนักนอนได้ 1-2 คน (เป็นเต็นท์สำหรับ 2 คนที่อาจจะพอดีตัวไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่) มีพื้นที่ภายในจำกัด เหมาะสำหรับนอนและเก็บสัมภาระส่วนตัว
  • วัสดุ: ตัวเต็นท์ทำจากผ้า 20D Nylon เคลือบซิลิโคนกันน้ำ PU4000mm ทำให้มีน้ำหนักเบาและกันน้ำได้ดีเยี่ยม พื้นเต็นท์เป็นผ้า 20D Nylon หรือ 210T Polyester เคลือบกันน้ำ PU3000mm (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) โครงสร้างเป็นเสาอลูมิเนียมอัลลอยด์
  • การติดตั้ง: ติดตั้งง่ายด้วยระบบเสาเดียว ทำให้กางและเก็บได้รวดเร็ว
  • น้ำหนัก: น้ำหนักเบามาก เพียง 1.5 – 1.8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการแบกเป้เดินทางไกล
  • ราคา: ราคาอยู่ในช่วง 3,000 – 4,000 บาท

5. เต็นท์ Naturehike Mongar 2

เต็นท์ Naturehike Mongar 2 เป็นอีกหนึ่งเต็นท์น้ำหนักเบาที่ได้รับความนิยมสำหรับนักเดินป่าเช่นกัน มีจุดเด่นที่พื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่า Cloud Up 2 เล็กน้อย และมีประตูเข้าออก 2 ทาง

feature imaged: กางเต็นท์ NatureHike Mongar2 เชิงเขา
  • ขนาดและความจุ: รองรับนักนอนได้ 2 คน มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่า Cloud Up 2 ทำให้รู้สึกสบายขึ้น มีพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระด้านหน้าและหลัง
  • วัสดุ: ตัวเต็นท์ทำจากผ้า 20D Nylon เคลือบซิลิโคนกันน้ำ PU4000mm หรือ 210T Nylon เคลือบกันน้ำ PU3000mm (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) พื้นเต็นท์เป็นผ้า 20D Nylon หรือ 210T Polyester เคลือบกันน้ำ PU3000mm โครงสร้างเป็นเสาอลูมิเนียมอัลลอยด์
  • การติดตั้ง: ติดตั้งง่ายด้วยระบบเสาไขว้ ทำให้โครงสร้างแข็งแรงและมั่นคง
  • น้ำหนัก: น้ำหนักเบา อยู่ที่ประมาณ 1.8 – 2.4 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการแบกเป้เดินทาง
  • ราคา: ราคาอยู่ในช่วง 4,000 – 5,000 บาท

เต็นท์ไหนที่ใช่สำหรับคุณ?

จะเห็นได้ว่าเต็นท์ Naturehike ทั้ง 5 รุ่นนี้ มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปครับ

  • สำหรับครอบครัวใหญ่: Naturehike Village 17 คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ด้วยขนาดที่ใหญ่และความสูงที่ยืนได้สบาย ทำให้การใช้ชีวิตในเต็นท์ไม่รู้สึกอึดอัด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากและเหมาะกับการขนย้ายด้วยรถยนต์
  • สำหรับครอบครัวขนาดเล็ก: Naturehike Village 5.0 หรือ Village 13 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ ครับ ทั้งสองรุ่นนี้ติดตั้งง่ายและมีพื้นที่ใช้สอยที่ดี
  • สำหรับนักเดินป่าที่เน้นน้ำหนักเบาและกะทัดรัด: Naturehike Cloud Up 2 และ Mongar 2 คือสองตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ Cloud Up 2 จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเต็นท์ที่เบาที่สุดและกะทัดรัดที่สุดสำหรับการเดินทางคนเดียวหรือสองคนแบบประหยัดพื้นที่ ส่วน Mongar 2 จะให้พื้นที่ภายในที่กว้างขวางกว่าเล็กน้อยและมีประตูสองทาง ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน

ถ้าให้ผมเลือกเต็นท์ที่ “คุ้มค่า” และ “เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย” สำหรับนักแคมป์ปิ้งชาวไทยที่เพิ่งเริ่มต้น ผมจะแนะนำเต็นท์ Naturehike Village 5.0 ครับ ด้วยขนาดที่กำลังดี กางง่าย ราคาเข้าถึงได้ และคุณภาพที่เชื่อถือได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมดุลและตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดีครับ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในการเลือกเต็นท์คู่ใจสำหรับการผจญภัยครั้งต่อไปนะครับ!